Gadget Tips

วิ่งสายพานขึ้นระยะไม่ตรงกับนาฬิกา ใครผิดใครถูก

เท่าที่ผมจำความได้นาฬิกา GPS เรือนแรกที่ผมซื้อมาใช้วิ่ง ตัวนาฬิกาเพียวๆ ไม่สามารถวัดค่า Cadence ได้ ต้องพึ่งพาเจ้าอุปกรณ์เสริมตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า Footpod ติดที่เชือกผูกรองเท้า เพื่อนับจำนวนก้าวของการวิ่ง ซึ่งผมอ่านเจอตามเวบฝรั่งต่างๆ ตัว Footpod เค้าแนะนำให้เอามาใช้ฝึก Cadence ให้อยู่ราวๆ 180 ก้าวต่อนาที ตอนนั้นเลยจำเป็นต้องซื้อ Footpod มาติดที่เชือกผูกรองเท้า เพื่อฝึกรอบขาให้ได้ตามสูตรที่ฝรั่งบอกมา นอกจากนั้นแล้วการใช้ Footpod เพื่อใช้ในการวิ่งบนสายพานเพื่อให้นาฬิกาสามารถจับระยะทางวิ่งให้ตรงกับความเป็นจริง

  • ถ้าเราต้องการใช้ Footpod เพื่อฝึก Cadence ก็ไม่ต้องทำอะไร ติดเซ็นเซอร์ที่เชือกผูกรองเท้าแล้วก็วิ่งได้เลย

  • แต่ถ้าเราต้องการใช้ Footpod ไปคำนวณระยะวิ่งบนสายพาน เราก็ต้องทำการCalibrate เจ้าตัว Footpod โดยการวิ่งระยะทางพอประมาณเพื่อให้มันเก็บสถิติระยะก้าวของเราไว้ เมื่อไปวิ่งบนสายพานในห้องฟิตเนส ซึ่งแน่นอนว่านาฬิกามันไม่สามารถเชื่อม GPS ได้ เจ้าตัว Footpod นี่แหละจะเป็นตัวปรับค่าระยะทางการวิ่งบนนาฬิกาของเราให้ใกล้เคียงกับการวิ่งบนถนนที่นาฬิกาเชื่อมต่อกับ GPS ได้เช่น

ระยะ 1 ก้าวของนักวิ่ง ก. Stride Length คือ 0.8 เมตร ถ้าเราวิ่งบนสายพานไปทั้งหมด 1,000 ก้าว ระยะทางที่ขึ้นบนนาฬิกาก็จะเป็น 800 เมตร หรือ 0.8 กิโลเมตร

ระยะ 1 ก้าวของนักวิ่ง ข. คือ 1 เมตร ถ้าเราวิ่งบนสายพานไปทั้งหมด 1,000 ก้าว ระยะทางที่ขึ้นบนนาฬิกาก็จะเป็น 1,000 เมตร หรือ 1 กิโลเมตร

ระยะ 1 ก้าวของนักวิ่ง ค. คือ 1.2 เมตร ถ้าวิ่งบนสายพานไปทั้งหมด 1,000 ก้าว ระยะที่ขึ้นบนนาฬิกาก็จะเป็น 1,200 เมตร หรือ 1.2 กิโลเมตร

จะเห็นว่านักวิ่ง 3 คนนี้ มีระยะก้าวแตกต่างกันก้าวละ 0.2 เมตร หรือ 20 ซม. ตามลำดับ

ถ้าบังเอิญ 3 คนนี้ ใส่นาฬิการุ่นเดียวกันมาวิ่งบนสายพาน แล้วบังเอิญค่า Cadence จำนวนก้าวต่อนาทีดันมาเท่ากันอีก ยกตัวอย่างว่า 200 ก้าวต่อนาที ทั้ง 3 คนเปิดเครื่องวิ่งสายพานเวลาเดียวกัน ตั้งความเร็วเครื่องเท่ากันเช่น 12 กม.ต่อชั่วโมง คุณคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที แต่ละคนจะวิ่งได้ระยะทางเท่าไหร่

นักวิ่ง ก. จะวิ่งได้ระยะทาง 1,600 เมตร หรือ 1.6 กิโลเมตร
นักวิ่ง ข. จะวิ่งได้ 2,000 เมตร หรือ 2 กิโลเมตร
นักวิ่ง ค. จะวิ่งได้ 2,400 เมตร หรือ 2.4 กิโลเมตร
ในขณะที่ค่าบนสายพานจะอ่านได้ 2 กิโลเมตร ถามว่าข้อมูลใครถูก ใครผิด นาฬิกาหรือสายพาน
คำตอบมันชัดเจนด้วยเหตุผลที่ผมได้เขียนไปตั้งแต่ต้นครับ ถ้านักวิ่งทั้ง 3 มีการ Calibrate เจ้าตัว Footpod กันทุกคน นาฬิกาของทั้งสามคนต่างก็ถูกต้องครับ
นักวิ่ง ก.ได้ระยะทางบนนาฬิกาน้อยกว่าสายพาน นักวิ่ง ข.ได้ระยะทางเท่าสายพาน และนักวิ่ง ค.ได้ระยะทางมากกว่าสายพาน

ส่วนค่าบนสายพานจะบอกว่าผิด ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ค่าระยะทางที่อยู่บนสายพานมันเป็นค่าเฉลี่ยค่ากลางๆ ของนักวิ่งทั่วๆ ไป ถ้าผมจำไม่ผิด เคยกะไว้คร่าวๆ เครื่องยี่ห้อที่ผมใช้วิ่งประจำในห้องฟิตเนสเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จะคิดว่าระยะก้าวของคนวิ่งสายพานอยู่ที่ไม่เกิน 0.9 เมตร และ Cadence ต่ำกว่า 180 ก้าวต่อนาทีพอสมควร คนที่ใส่นาฬิกาแล้ววิ่งบนสายพานแล้วได้ค่าตรงกัน จะต้องมีค่า Cadence และจำนวนก้าวต่อนาทีไปเท่ากับสูตรในการคำนวณหาระยะทางของสายพานเครื่องนั้นๆ ได้แบบพอดี จึงจะทำให้ได้ค่าบนนาฬิกากับสายพานตรงกัน

ทำอย่างไรหากเราต้องการวิ่งให้ค่าบนนาฬิกากับสายพานตรงกัน

ก่อนที่จะถึงขั้นตอนนั้นๆ เราต้องเช็คก่อนว่า นาฬิกาเรานั้นมีฟังค์ชั่นวัด Cadence มั้ย ซึ่งนาฬิกาแบรนด์ดังรุ่นใหม่ๆ มักจะมี และต้องรู้ด้วยว่าความแม่นยำในการวัด Cadence แม่นยำขนาดไหน วิธีไม่ยากเลย ลองวิ่งบนสายพานสัก 6-10 นาที นับจำนวนก้าวไปเรื่อยๆ แล้วลองมาคำนวณย้อนกลับดู ว่าค่านั้นถูกต้องหรือไม่ แต่ในกรณีที่นาฬิกานั้นไม่มีฟังค์ชั่นวัด Cadence ให้หาซื้อ Footpod มาติดเพิ่มเอา

อีกเรื่องที่สำคัญเราต้องแปลงความเร็วบนสายพานซึ่งส่วนใหญ่มีหน่วยเป็น กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นหน่วย Pace ให้ได้ก่อน โดยมีวิธีการคำนวณดังนี้

Pace = 60 / ความเร็ว (กม.ต่อชั่วโมง)
เช่น บนสายพาน ตั้งความเร็วไว้ 10 กม.ต่อชั่วโมง เมื่อแปลงเป็น Pace ได้
Pace = 60/10 = 6 นาทีต่อกม.
แต่เรื่องนี้ขอให้ระวังเมื่อคำนวณแล้วได้จุดทศนิยม ต้องเอาจุดทศนิยมนั้นมาคูณด้วย 0.6 ก่อน จึงจะเป็นค่า Pace ที่แท้จริง เพราะถ้าเราเข้าใจตัวเลขของ Pace จะรู้ว่า ตัวเลขหลังจุดทศนิยมคือ หน่วยวินาที เช่น Pace 3.59 คือ ใน 1 กม. ใช้เวลา 3 นาที 59 วินาที
เช่นถ้าความเร็วบนสายพานเท่ากับ 9 ค่า Pace เท่ากับ 60/9 = 6.67
เอา 0.67 มาคูณ 0.6 จะเท่ากับ 0.40 ซึ่งค่าที่ถูกต้องคือ Pace = 6.40 ครับ อย่าไปเผลอบอกคนอื่นว่า Pace 6.67 นะครับ

หลังจากรู้ว่า การคำนวณ Pace โดยรู้ความเร็วบนสายพานแล้ว ก็มาถึงเรื่องว่า แล้วเราจะวิ่งยังไงให้ค่านาฬิกากับบนสายพานระยะตรงกัน

วิธีที่ 1 ถ้าในนาฬิกาหรือแอพที่สามารถปรับค่า Stride Length ได้ ให้ลองวิ่งสักระยะเวลาหนึ่ง ขึ้นอยู่กับคู่มือการ Calibrate ของนาฬิกานั้นๆ เช่น SUUNTO Fitness 3 แนะนำไว้ 12 นาที ดูค่าระยะทางบนสายพานว่าได้เท่าไหร่ เอาค่าระยะนั้นมาใส่ในแอพหรือนาฬิกาดื้อๆ เลย

หลังจากนั้นเรา Calibrate นาฬิกาเรียบร้อยแล้ว ค่าระยะทางบนนาฬิกาก็จะใกล้เคียงกับบนสายพาน ขึ้นอยู่ความแม่นยำของการอ่านค่า Cadence ใน Footpod และนาฬิกาแต่ละรุ่นด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปลี่ยนความเร็วสายพานไปเป็นความเร็วอื่นๆ ไม่ว่าจะต่ำลงหรือสูงขึ้น ค่าระยะทางมันก็อาจะผิดเพี้ยนไปได้ เพราะว่านาฬิกามันจะจดจำระยะก้าวของเราไปแล้ว หากมีการตั้งความเร็วสายพานใหม่ ทำให้การออกแรงของเราเปลี่ยนแปลงไป เช่น ความเร็วต่ำ เราก้าวสั้นลง ความเร็วสูงเราก้าวยาวขึ้น แต่ระยะก้าวในนาฬิกามันจำค่าเดิมอยู่ ระยะทางที่ขึ้นบนนาฬิกาก็มีโอกาสไม่ตรงกับสายพานอยู่ดี ทางที่ดีให้วิ่งที่ความเร็วสายพานนั้นๆ ที่เราทำการ Calibrate ไว้

วิธีที่ 2 ในกรณีที่นาฬิกาเป็นรุ่นที่เชื่อมต่อ GPS ได้ เราต้องไปวิ่ง Calibrate ค่าความยาวก้าว Stride Length ที่ถนนที่ค่อนข้างเรียบ หรือที่วิ่งที่เรารู้ระยะแน่นอน เช่นลู่วิ่งมาตรฐาน 400 เมตร ลองวิ่งให้ครบตามคำแนะนำของนาฬิกาว่าต้องวิ่งระยะเป็นเวลาเท่าไหร่จึงจะเพียงพอในการทำให้ค่า Stride Length มีความแม่นยำ เช่น Foodpod ของ Milestone แนะนำไว้ 6 นาที Suunto Fitness 3 แนะนำว่า 12 นาทีเป็นต้น หลังจากนั้น นาฬิกาจะคำนวณและเก็บสถิติระยะก้าวเราไว้ บางนาฬิกาสามารถแก้ระยะทางหลังวิ่ง Calibrate จบได้ เช่นถ้าเราวิ่ง 5 รอบสนาม 400 เมตร ช่องวิ่งในสุด แบบไม่เปลี่ยนช่องวิ่ง หลังวิ่งเสร็จเราสามารถปรับค่าระยะเป็น 2,000 เมตร เพื่อเพิ่มความแม่นยำของระยะก้าว ( ผมเคย Calibrate ลักษณะนี้ แล้วเปิดโหมดวิ่งในนาฬิกาเป็นแบบวิ่งสายพาน แล้ววิ่งจังหวะเดิมบนลู่วิ่ง 400 เมตร ระยะขึ้นมาตรงเลยครับ )
เมื่อ Calibrate ระยะก้าวได้แล้ว เวลาเราไปวิ่งบนสายพาน ก็ลองผิดลองถูกพยายามปรับความเร็วสายพานให้ได้ค่าพอๆ กับความเร็วที่แสดงบนนาฬิกา เท่านี้ก็ทำให้ระยะทางที่โชว์บนสายพานกับนาฬิกาตรงกัน

จริงๆ แล้ว สุดท้ายค่าที่แสดงบนสายพาน กับ ค่าที่แสดงบนนาฬิกามันไม่มีทางตรงกันเป๊ะ 100% ครับ เพราะว่า ถ้าเวลาที่เราเปลี่ยนความเร็วสายพานขึ้นลง ระยะมันก็จะเริ่มๆ เพี้ยน

ผมจึงอยากแนะนำว่าให้เราเสียเวลาไป Calibrate ค่า Stride Length ในนาฬิกาให้เรียบร้อย และลองเช็คความแม่นยำของนาฬิกาว่า วัดค่า Cadence ได้แม่นยำแค่ไหน โดยการลองวิ่งสักอย่างน้อย 6 นาที นับจำนวนก้าวไปเรื่อยๆ เมื่อครบ 6 นาที ให้หยุดวิ่ง แล้วหาจำนวนค่า Cadence เช่น 6 นาที นับจำนวนก้าวได้ 1,000 ก้าว ค่า Cadence คือ 1,000 / 6 = 167 ก้าวต่อนาที ลองเช็คค่านี้กับค่าที่แสดงในนาฬิกา ถ้าแตกต่างกันไม่มากเกินไป ก็แสดงว่านาฬิกามีความแม่นยำเพียงพอ
( กรณีเวลาที่กดหยุด มีหน่วยวินาทีด้วย วิธีคำนวณให้ทำแบบนี้ เช่น 1,000 ก้าว ใช้เวลา 6:15 นาที วิธีคิด Cadence = (1,000X60) / ((6X60)+(15)) = 160 ก้าวต่อนาที )

เมื่อตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยทุกขั้นตอนตามที่ผมว่าแล้ว หลังจากนี้ให้เชื่อข้อมูลของนาฬิกาที่เราใส่ครับ ไม่ต้องไปสนใจค่าที่แสดงออกมาที่ลู่วิ่งสายพานอีกต่อไปครับ

นาฬิกา SUUNTO 9 BARO เป็นนาฬิกาที่สามารถจับ Cadence ได้แม่นยำมาก จากการทดสอบวิ่งนับก้าวระยะต่างๆ มากกว่า 10 ครั้ง แล้วมาคำนวณย้อนกลับมาเป็นค่า Cadence พบว่าได้ค่าตรงตามจำนวนก้าวที่นับได้จริงเป๊ะๆ โดยไม่จำเป็นต้องติด Footpod

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณเฉลิมวงศ์ บวรกีรติขจร
Chalermwong B.Kajorn
ผู้ดำเนินรายการตอบคำถามอุปกรณ์กอล์ฟ คลื่น FM99 รายการ Golf Trick ทุกวันศุกร์ เวลา 9:00-10:00 น.

Share to your friends!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *